trackmania forever
โดยล่าสุด วันนี้ (4 มิ.ย.) GLOW และบริษัท แอพพลาย แมททีเรียลส์ จำกัด ได้ร่วมกันลงนามสัญญาซื้อขาย SCFCL ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุมการปล่อยกระแสไฟฟ้าผิดพลาดชนิดตัวนำยิ่งยวด โดย GLOW ได้สั่งซื้อ SCFCL ขนาด 115 kV จำนวน 2 ชุด เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เสริมการผลิตพลังงานที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และจ่ายพลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า โดยการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกของไทย หุ้นรายตัวปิดบวก หนุน Call DW ปรับตัวขึ้นตามแข็งแกร่ง กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี เผยคำสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตในเดือน เม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% โดยได้รับแรงหนุนคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ขยายตัว 5.5% แม้ว่าคำสั่งซื้อภายในประเทศหดตัวลง 3.8%ราคาปิด 6.05 แนวรับ 6-5.90 แนวต้าน 6.20-6.25 , 6.35-6.45,ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีเงินกู้รวม 17,509 ล้านบาท ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 18,014 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 ซึ่งสอดคล้องกับตารางการชำระหนี้ บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 7,743 ล้านบาทซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มทุนจำนวน 1,841 ล้านบาทให้แก่ Gulf International Investment (Hong Kong) Ltd. (Gulf) โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนในระดับ 69.3% อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดจากภาระหนี้สินในระดับสูงนี้ถูกบรรเทาบางส่วนจากกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่แน่นอนและคาดการณ์ได้ นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยังมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA margin) ที่สูงเนื่องจากได้รับ Adder และมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำ โดยอัตราค่าไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทได้รับอยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง และมี EBITDA margin อยู่ที่ประมาณ 85% ทรงตัวในกรอบแคบๆ หลังมี flow ขายออกมา สำหรับทิศทางยังต้องรอดูตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯคืนนี้ก่อน นักบริหารเงินกล่าว ขณะที่คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.60-33.85 บาท/ดอลลาร์โดยในช่วงเดือนพ.ย.นี้ ทางบริษัทเตรียมวางแผนการเติบโตระยะยาวถึงปี 63 จากปัจจุบันสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่เคยวางไว้แล้ว ซึ่งจากนี้ก็น่าจะเห็นภาพการเติบโตของ TASCO ว่าจะมีการเติบโตไปในทิศทางใดต่อไปกลยุทธ์ที่แนะนำ :ช่วงบ่าย: คาดแกว่งในกรอบแคบต่อ หลังจากช่วงเช้าย่อตัวลงทดสอบแนวต้านแรกที่ 1476 แล้วเด้งขึ้นมาได้ นักลงทุนควรใช้ระดับแนวรับที่ได้ให้ไว้ที่ 1476, 1467 เป็นโอกาสเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร เพื่อไปขายที่แนวต้าน 1486 และ 1492 จุด ส่วนภาพการลงทุนระยะกลางโดยรวมทางเทคนิคยังไม่น่าไว้ใจ สามารถปรับตัวลงต่อได้ ซึ่งวันศุกร์นี้ตลาดอาจจะกลับมากังวลต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซอีกครั้ง หุ้นแนะนำตามสัญญาณเทคนิค ได้แก่ JAS (รับ 5.60 ต้าน 6.00 Cut 5.40) และ STPI (รับ 16.5 ต้าน 17.3 Cut 16.4)
ทั้งนี้ หากประเมินราคาเป้าหมายอิง FY59 EPS ที่ 0.2 บาท ด้วย P/E=15x ตามค่าเฉลี่ยในอดีต คาดว่าราคา TPIPL น่าจะสามารถขึ้นไปซื้อขายใกล้เคียงกับ BV ปี 59 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3 บาทได้พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างเจรจากับ บริษัท ไชน่า ฮาเบอร์ จำกัด ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต สะพานใหม่ คูคต โดยบริษัทฯคาดว่ามูลค่างาน เฉพาะค่าแรง อยู่ที่ราว 1-2 พันล้านบาท แต่ยังไม่คาดการณ์ว่าจะได้งานส่วนนี้เท่าไหร่。 พร้อมกันนี้มองว่ายังมีพื้นที่ในการปรับลดดอกเบี้ยจากสถานการณ์เงินฝืด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป(headline inflation) ลดลง 1.3% ในเดือน พ.ค.ต่ำกว่าคาดการณ์ consensus ที่ -1.0% และลดลงมากกว่าเดือน เม.ย.ที่ -1.0% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลดลงเดือนที่ห้าติดต่อกัน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ชะลอตัวลงต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือนที่ราว +0.9% ในเดือน เม.ย.จากเดิม +1.0% ในเดือน มี.ค.ทั้งนี้ เรายังคงประเมินอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 58 ที่ 0.6% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ +1.0% และปีที่ผ่านมาที่ +1.9%เนื่องจากโครงการเกี่ยวกับ ICT ของภาครัฐชะลอและเลื่อนออกไป ทำให้ไม่มีงานประมูลใหม่ๆเข้ามา โดยงาน ICT ของภาครัฐเป็นรายได้หลักของบริษัท ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังซบเซามีผลต่อรายได้ของบริษัทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 8-10% จาก 9.9% ในปีก่อน โดยจะเน้นควบคุมต้นทุนอย่างมีปประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยท้ายภาคเช้าบวกกว่า 10 จุด ทะลุระดับ 1,500 จุด โดย ณ เวลา 12.20 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,501.29 จุด บวก 10.39 จุด หรือ 0.70% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17,657.73 ล้านบาท สวนทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อ่อนตัวลง ขณะที่ตลาดบ้านเรามีแรงซื้อเข้ามาอย่างคึกคักในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยหุ้นกลุ่มสื่อสาร แบงก์ และวัสดุก่อสร้าง หนุนให้ดัชนียืนอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่าสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.64 ดอลลาร์ ปิดวานนี้ (4 มิ.ย.) ที่ 58 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.03 ดอลลาร์/บาร์เรลทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยมีปัจจัยลบมาจากการที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) ปรับลด GDP ปี 58 ลงเหลือ 3-4% จากเดิม 3.5-4.5%, ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับเพิ่มขึ้น, การส่งออกของไทยในเดือนเม.ย.ติดลบ 1.7%, ราคาพืชผลทางเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ, ผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพ และราคาสินค้าที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง, เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง และ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกDCON (1.85 บาท)สัญญาณ: ซื้อเครื่องชี้: ดีแนะนำ: เก็งกำไรเร็วความเห็น: แรงเหวี่ยง 1.93; ให้ขายตัดขาดทุนหากราคาต่ำกว่า 1.82,PTT ปิดที่ 337.00 บาท ลดลง 3.00 บาท,ขณะที่ราคาหุ้น FER ณ เวลา 15.09 น. อยู่ที่ 1.71 บาท ปรับตัวขึ้น 0.14 หรือ 8.92% มูลค่าการซื้อขาย 91.06 ล้านบาทโดยเมื่อเทียบกับสองช่วงเวลาดังกล่าว จะพบว่าสถานการณ์ในปัจจุบันน่าจะมีแนวโน้มไม่สู้ดีนักหากเทียบกับในช่วงปี 2546 แต่ถือว่ามีความแข็งแกร่งกว่ามากหากเทียบกับช่วงปี 2552 ดังจะเห็นได้จากในปี 2546 จีดีพีขยายตัวกว่าร้อยละ 7.2 การส่งออกเติบโตร้อยละ 17.4 ส่วนในช่วงปี 2552 จีดีพีหดตัวร้อยละ 0.7 และส่งออกติดลบร้อยละ 14.3การกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 จึงเป็นการร่วมกันกระทำการไม่ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารของ NMG โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฝ่าฝืนพ.ร.บ.บริษัทมหาชน พ.ศ.2535 และพ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน โดยทาง NEWS และผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่งได้ยื่นฟ้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้การประชุมและการลงมติต่างๆของการประชุมดังกล่าวตกเป็นโมฆะทั้งหมดแล้ว
(บรรณาธิการ:admin )
ความคิดเห็นล่าสุด